สายบัว ต้ม ปลา ทู
เมนูเก่าแก่และโบราณพอสมควร เจ้าของโพสรู้จักและได้ทานมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะคุณย่าชอบทำให้ทานบ่อยๆ ที่บ้านติดแม่น้ำจะมีสายบัวเยอะมากๆ ด้วยความที่มีวัตถุดิบอยู่แล้วเลยได้ทานบ่อยค่ะ สายบัว ปลอกเปลือกแล้วหักเป็นท่อนความยาว 2นิ้ว 1 กก. ปลาทูนึ่งเอาแต่เนื้อ 3 ตัว กะทิ 500 กรัม หัวหอมแดง 10 หัว พริกไทยเม็ด 20 เม็ด เกลือป่น 1 ชช น้ำตาลปี้บ 2 ชต น้ำมะขามเปียกเข้มข้น 2 ชต
สูตร ต้มกะทิสายบัวปลาทูนึ่ง โดย Areerat Chaichoy - Cookpad
อ่าน 12.
สายบัวคือส่วนของก้านดอกบัวสาย ซึ่งดอกบัวสายมีหลากหลายสี ทั้งสีแดง สีขาว สีขาวอมชมพู สายบัวจากดอกบัวสีขาวอมชมพูจะมีความอ่อนนุ่มและกินอร่อยกว่าสีอื่น สายบัวกินได้ทั้งแบบสดและลวกจิ้มน้ำพริก หรือจะผัดกับเนื้อสัตว์ ทำแกงส้ม หรือต้มกะทิสายบัวก็อร่อย เพราะสายบัวมีเนื้อนุ่ม ฉ่ำน้ำ คุณค่าทางโภชนาการของสายบัว 100 กรัม ประกอบด้วยพลังงาน 6 แคลอรี่ คาร์โบไฮเดรต 1. 1 กรัม โปรตีน 0. 2 กรัม ไขมัน 0. 1 กรัม เส้นใยอาหาร0. 4 กรัม น้ำ 97. 6 กรัม วิตามินเอ 45 หน่วยสากล วิตามินบี1 0. 02 มิลลิกรัม วิตามินบี3 0. 4 มิลลิกรัม แคลเซียม 0 มิลลิกรัม เหล็ก 0.
- สายบัว ต้ม ปลา ทู วัน
- [แจกสูตร] ต้มกะทิสายบัวปลาทู - สูตรลับของเจ๊หมู - YouTube
- Itopplus ดีไหม
- Street bob มือ สอง
- สายบัวต้มกะทิปลาทู - GotoKnow
- ต้ม ตํา ลึ ง หมู สับ
- โหระพาดอทคอม แหล่งรวบรวมเมนูอาหาร การรีวิวร้านอาหาร
SERVES 4 คน LEVEL ง่าย มะดัน ผลทรงรีปลายแหลม ผิวเรียบลื่นเป็นมัน รสเปรี้ยวจัดจึงมีวิตามินซีสูงรวมถึงเบตาแคโรทีน และแร่ธาตุต่างๆ สรรพคุณช่วยแก้อาหารคอแห้ง ทำให้ชุ่มคอ ช่วยลดเสมหะ มะดันเป็นของคู่กันกับปลาทู ไม่ว่าจะเป็นปลาทูต้มมะดัน หรือปลาทูต้มกะทิใส่มะดันเเบบเมนูนี้ก็ได้ ใช้ความเปรี้ยวของมะดันแทนน้ำมะขามเปียก รับรองอร่อยได้สุขภาพ INGREDIENTS พริกไทยขาวเม็ด หอมแดงซอย กะปิย่าง 1 ช้อนโต๊ะ กะทิ (หัวกะทิ 1 ถ้วย+น้ำ 1 ถ้วย) มะดันหั่นแว่น สายบัวหั่นเป็นท่อน 4 ซม. ปลาทูนึ่งตัวเล็ก แกะเอาแต่เนื้อ เกลือสมุทร น้ำตาลมะพร้าว 3 METHOD 1. โขลกพริกไทย หอมแดง และกะปิให้ละเอียด พักไว้ 2. ตั้งหม้อกะทิบนไฟกลางพอเดือด (หมั่นคนเป็นครั้งคราวไม่ให้กะทิแตกมัน) ใส่มะดันลงต้มพอสุกนุ่ม ปิดไฟ กรองเทน้ำกะทิและใช้ช้อนยีเนื้อมะดันที่นุ่มแล้วกลับลงในหม้อกะทิเหมือนเดิม ทิ้งเม็ดมะดันที่กรองได้ไป 3. นำหม้อกะทิกลับขึ้นตั้งบนไฟกลาง พอเดือดใส่เครื่องที่โขลกไว้ คนให้ละลายเข้ากัน พอน้ำแกงเดือดอีกครั้งใส่สายบัว และหัวกะทิ เคี่ยวจนสายบัวสุกนุ่ม ใส่เนื้อปลาทู ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาลปี๊ป และน้ำปลา ชิมรสให้ออกเปรี้ยว เค็ม หวาน อ่านบทความเพ่ิมเติม เมนูเปรี้ยวจี๊ดบาดใจด้วยพืชผลรสเปรี้ยว
สิราษฎร์
ศ ๒๕๕๖
โขลกส่วนผสมพริกแกงรวมกันให้ละเอียด พักไว้ 2. ผสมหัวกะทิและหางกะทิลงในหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟกลาง ใส่พริกแกงลงไปคนให้ละลาย ใส่หอมเล็ก พอส่วนผสมเดือดใส่ปลาทูลงไปต้มนาน 1 – 2 นาที ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา น้ำมะขามเปียก แล้วจึงใส่สายบัว ปิดฝาหม้อต้มต่อสักพักให้สายบัวสุกและรสแกงซึมเข้าสายบัว ปิดไฟ ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟพร้อมกับข้าวสวยร้อน ๆ Tip: ลวกสายบัวก่อนนำไปใช้แกงหรือผัด ช่วยให้สายบัวมีสีเขียวสวยไม่คล้ำ และไม่ทำให้น้ำแกงคล้ำอีกด้วย พลังงานต่อหนึ่งหน่วยบริโภค 688. 64 กิโลแคลอรี โปรตีน 12. 86 กรัม ไขมัน 53. 35 กรัม คาร์โบไฮเดรต 31. 11 กรัม ไฟเบอร์ 12. 40 กรัม เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกะทิมะพร้าว แม้ในปี 2558 มีนักวิทยาศาสตร์อ้างว่า ได้ค้นพบรสชาติใหม่คือ รสมัน แต่รสดังกล่าวยังไม่จัดอยู่ในรสชาติพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม ในอาหารไทยนั้นรสมันนั้นช่วยเพิ่มความอร่อยอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะที่ใช้กันมากก็คือ รสมันอมหวาน กลิ่นหอมจากกะทินั่นเอง 1. ใช้มะพร้าวแก่แค่ไหนคั้นกะทิ ความแก่อ่อนของมะพร้าวมีผลต่อความมันของกะทิ ยิ่งแก่มากกะทิยิ่งมันมาก หากได้มะพร้าวที่แก่แห้งคาทะลายจะมีความมันสูงที่สุด แต่ในขณะเดียวกันยิ่งมะพร้าวแก่เท่าใด ความหวานของกะทิก็จะลดน้อยลง ดังนั้นหากจะนำมาทำขนมหรืออาหารบางประเภทที่ต้องการความหวานจากกะทิ เช่น ขนมจีนซาวน้ำ ต้มกะทิใต้ ฯลฯ ควรเลือกมะพร้าวที่แก่แต่ยังไม่ลงจาว เมื่อปอกกะลาออกแล้ว ผิวมะพร้าวยังคงสีน้ำตาลอ่อนยังไม่เข้มมาก แต่หากทำอาหารประเภทแกงที่ต้องการให้แตกมันให้ใช้มะพร้าวที่แก่หรือลงจาวอ่อนแล้วได้ มะพร้าวชนิดนี้กะลาจะดำ เมื่อผ่ากะลาแล้วผิวเยื่อที่หุ้มมะพร้าวจะมีสีดำ 2.
