Akula 310 ราคา
เจดีย์ทรงปราสาทหรือพระปรางค์วัดไชยวัฒนาราม มีการยกฐานปัทม์ท้องไม้กว้างคาดแถบลูกฟักและอกไก่ ขึ้นไป 3 ชั้น จนสูงชะลด ทั้งมีการเพิ่มมุม/ยกมุมของส่วนฐานสูงให้สอดรับกับการเพิ่มมุมของเรือนธาตุและมุขซุ้มประตูซ้อน จนทำให้เกิดสันมุมที่เรียกว่า "ย่อมุมไม้" จำนวนมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งฐานที่มีมุมเพิ่มขึ้นก็เริ่มถูกนำไปใช้กับฐานพระเจดีย์ทรงระฆังย่อมุม 12 แบบเดิมเป็นครั้งแรกครับ. อีกทั้งการประดับฐานพระเจดีย์ด้วย "ขาสิงห์" แบบต้นอยุทธยายังกลับมาได้รับความนิยมจากราชสำนักอีกครั้ง โดยมีการปรับรูปให้ยืดสูง หลังสิงห์วงโค้งต่อเนื่องมาที่แข้งสิงห์ ท้องสิงห์หย่อนโค้ง หัวแข้งมีทั้งแบบมนโค้งและแบบสันคม/บัวหลังสิงห์ ปั้นปูนกระหนกตัวเหงา/บัวรวนเป็นครีบประดับใต้น่อง นมสิงห์เป็นกระหนกรูปกระจังคว่ำ เกิดการประดิษฐ์ลาย "กาบเท้าสิงห์/เล็บกาบสิงห์" รูปกระจังปฏิญาณสามเหลี่ยมขนาดใหญ่ พวยขึ้นมาที่เชิงของหัวแข้ง นำมาประดับเข้ากับสันมุมที่มีจำนวนมากขึ้น. เมื่อมีการนำฐานยกมุมเพิ่มซ้อนกันจำนวนมากจากพระปรางค์ใหญ่ย่อลงมาที่ปรางค์ขนาดเล็กลง จึงได้เกิดการย่อมุม 28 ขึ้น โดยนำมุมจากเรือนธาตุ 3 มุม (มุมหลักและมุมยกเก็จ) มารวมกับมุมของมุขซ้อน 2 ด้าน ๆ ละ 2 มุม รวมเป็น 7 สันมุมในด้านเดียว (คูณด้วย 4 ด้าน) ขึ้นเป็นครั้งแรก ที่ปรางค์บริวารของวัดไชยวัฒนาราม แต่ในช่วงแรกนั้น มุมหลักยังมีขนาดใหญ่กว่ามุมประกอบ ตัวปราสาทก็ยังมีขนาดใหญ่ ช่องจระนำกว้าง ตั้งบนฐานปัทม์ลูกแก้วอกไก่ซ้อนชั้น จึงยังไม่เกิดทรง "จอมแห" และยังไม่มีการประดับ "ขาสิงห์" ที่ฐานครับ.
*** พระปรางค์ยอมุม 28 ฐานประดับขาสิงห์สูง 3 ชั้น ตัวเรือนธาตุชะลูด มุขจระนำแคบ แต่ยังไม่ลดขนาด (จึงยังยังไม่เกิดทรงจอมแห) และเริ่มมีการ "บีบสันมุมที่ซ้อนกันด้านละ 7 มุม ให้มีขนาดเท่ากับขนาดของมุขแต่ละด้าน ในผัง 8 เหลี่ยม" อาจเกิดขึ้นครั้งแรกในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ที่วัดอุทิศขนาดเล็ก ภายในวัดมหาธาตุนอกกำแพงแก้วทางทิศเหนือครับ. พระปรางค์ยอมุม 28 สมัยสมเด็จสมเด็จพระนารายณ์ คือ พระปรางค์เหล็กหล่อที่ตั้งอยู่บนยอดสุดของเจดีย์ทรงหอคอย มุมตะวันออกเฉียงใต้นอกกำแพงแก้ว วัดมหาธาตุ มีฐานสิงห์แบบไม่มีกาบเล็บที่ฐานล่าง ประดับลายใบไม้แบบตะวันตก ยอดเหล็กเดิมคงได้ถูกฟ้าผ่าจนแตกเสียหายจึงต้องปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ด้วยปูนปั้นในสมัยหลัง ซึ่งต่อมาก็คงถูกฟ้าฝ่าซ้ำจนปูนที่ปั้นซ่อมแตกหักเสียหายอีก. *** พระปรางค์แบบยอมุม 28 ฐานปัทม์ใหญ่ลดหลั่นขนาด ประดับขาสิงห์สูง 3 ชั้น ตัวเรือนธาตุชะลูด มุขจระนำแคบ บีบสันย่อมุมเท่ากับผนังมุขจนกลายเป็นผัง 8 เหลี่ยม เริ่มลดขนาดเรือนธาตุทรงชะลูดสูงให้แคบลง จนเกิดเป็นพระปรางค์ทรงจอมแห (ทำยอดปรางค์บีบให้เล็กแบบเจดีย์ยอดแหลม) องค์แรก น่าจะเป็นพระปรางค์วัดบรมพุทธราม ที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระเพทราชา.
ศ.
พระมณฑปพระพุทธบาท วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร ตําบลขุนโกลน อําเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี สร้างขึ้นครั้งแรกในสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 22 แต่เดิมเป็นมณฑปโปร่งทรงยอดแหลม/กุฎาคาร ค้ำด้วยเสาใหญ่ไม่มีผนัง ซึ่งต่อมาได้รับการทำนุบำรุง/เสด็จมานมัสการบวงสรวงพระพุทธบาทในทุกรัชกาล ทั้งในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง สมเด็จพระนารายณ์มหาราช สมเด็จพระมหาบุรุษ/พระเพทราชา จนถึงสมัยสมเด็จพระสุริเยนทราธิบดี/พระเจ้าเสือ จึงมีการเปลี่ยนแปลงหลังคายอดพระมณฑปเป็นห้ายอด โดยมี พระครูสุวรรณมุนี/สมเด็จพระสังฆราชแตงโม เป็นแม่งาน. ถึงสมัยสมเด็จพระภูมินทราธิบดี/พระเจ้าท้ายสระ จึงได้มีการก่อผนังกำแพงระหว่างเสาเพื่อประดับกระจกเงาปั้นลายปิดทองภายใน ต่อมาในสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาที่ 2/พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ได้มีการหุ้มแผ่นทองคำหุ้มส่วนนาค เหมและยอดพระมณฑป ปูพื้นภายในด้วยแผ่นเงิน สร้างบานประตูประดับมุก ทั้ง 4 ด้าน และหล่อเศียรนาค (สวมมงกุฎ) ชายราวบันไดฝั่งทิศเหนือ. ในสมัยสมเด็จกรมขุนพรพินิต/พระเจ้าอุทุมพร ได้มีหุ้มแผ่นทองคำหลังคาพระมณฑป จนถึงสมเด็จพระสุริยาสน์อมรินทร์/พระเจ้าเอกทัศน์ กลุ่มชาวจีนอาสาจากคลองสวนพูลได้เข้าปล้นสะดมเผาทำลายพระมณฑป ลอกแผ่นทองคำและแผ่นเงินออกไปทั้งหมด.
วิธีการวาด ลายกระจังปฏิญาณ (ตอนที่ 2) - YouTube