Akula 310 ราคา
39 สามารถผลิตก๊าซได้ 38. 43 ลิตรต่อวัน โดยจะมีองคืประกอบก๊าซ มีเทน 60. 61 เปอร์เซ็นต์ และมีประสิทธิภาพการกำจัด COD ของแข็งทั้งหมด ของแข็งระเหยทั้งหมด และ ของแข็งแขวนลอยสูงสุด เท่ากับ 87. 08 79. 75 83. 35 และ 76. 83 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าการผลิตแบบ ขั้นตอนเดียว download PDF
คุณภาพของก๊าซไม่จำเป็นต้องสูงมากนักและไม่ต้องเพิ่มความดันให้กับก๊าซที่นำมาใช้ ถ้าปริมาณ H2S ในก๊าซชีวภาพไม่เกิน 200 mg/cu. m. ก็สามารถนำมาใช้ได้โดยตรง 2. ประสิทธิภาพในการผลิตพลังงานไฟฟ้าสูงถึง 32 – 40% หากนำความร้อนจากไอเสียมาใช้ให้เป็นประโยชน์ โดยทำน้ำร้อนและน้ำเย็นเพื่อใช้เป็นระบบปรับอากาศ อาจจะได้ประสิทธิภาพสูงถึง 80% 3. การสูญเสียพลังงานในระบบการผลิตมีน้อย ปริมาณน้ำที่ใช้ไม่มาก พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในกระบวนการผลิตประมาณ 2-4% 4. ค่าใช้จ่ายในการลงทุนต่ำ การติดตั้งใช้เวลาน้อย เครื่องยนต์ก๊าซสันดาปภายในใช้เทคโนโลยีไม่สูง ส่วนประกอบของเครื่องยนต์ 80% เหมือนกับเครื่องยนต์ดีเซล การซ่อมบำรุงรักษาทำได้ง่าย การรื้อถอนและขนย้ายทำได้สะดวก 5. สามารถสร้างได้ตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึง 10 MW บทความจากเว็ป:
การผลิตก๊าซชีวภาพ จากผักตบชวา วัชพืชทางน้ำที่เพิ่มปริมาณขึ้นอย่างรวดเร็ว "ผักตบชวา" เป็นวัชพืชที่ก่อให้เกิดปัญหามากมาย ปัจจุบันประเทศไทยได้มีแนวทางในการแก้ไขปัญหามา อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันภาคเอกชนหลายบริษัทก็เริ่มที่จะหันมาผลิตเครื่องกำจัดผักตบชวาออกมา และเริ่มใช้งานกันจริงจัง 1. การกำจัดผักตบชวาเพื่อเปิดทางน้ำ การจัดการกับผักตบชวา การจัดการกับผักตบชวาส่วนใหญ่ของไทยยังครอบคลุมอยู่ใน 4 อย่างนี้ นั่นก็คือ ใช้เป็นอาหารสัตว์ การทำของที่ระลึก การทำปุ๋ยหมัก การผลิตก๊าซชีวภาพ 2. ผักตบชวาที่โตเต็มที่ การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า การหมักเป็นปุ๋ยชีวภาพ การผลิตก๊าซชีวภาพ จากผักตบชวา โดยเฉพาะการ "ผลิตก๊าซชีวภาพ" จาก "ผักตบชวา" ของไทยในวันนี้นั้นได้มีตัวอย่างด้านการผลิตเกิดขึ้นแล้ว และยังมีงานวิจัยรองรับอีกด้วย ภายใต้แนวคิดในการนำวัชพืชที่ไร้ค่ามาต่อยอดใช้ได้จริง ซึ่งเป็นเหตุผลให้คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน โดย รศ. ดร. จุรีรัตน์ ลีสมิทธิ์ ผู้อำนวยการศูนย์ทรัพยากรจุลินทรีย์ เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) และหัวหน้าโครงการวิจัยด้านทรัพยากรจุลินทรีย์ ได้คิดค้นงานวิจัยการ " ผลิตก๊าซชีวภาพจากผักตบชวา " ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช. )